หลายคนคิดว่า “ถนนเปียก = ลื่นเท่ากันหมด” แต่ความจริงคือ พื้นผิวถนนแต่ละแบบให้แรงยึดเกาะไม่เท่ากัน และบางจุดลื่นกว่าที่คิดมาก โดยเฉพาะเมื่อฝนตก ยางรถยนต์จึงมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับพื้นผิวที่เปลี่ยนไปตลอดทาง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าถนนแบบไหนลื่นที่สุด และควรขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัย
ทำไมพื้นผิวถนนถึงมีผลกับการเกาะถนน?
แรงยึดเกาะเกิดจากการเสียดทานระหว่างยางกับพื้นผิวถนน เมื่อฝนตก น้ำจะลดแรงเสียดทานลง หากพื้นผิวเรียบ มัน หรือมีคราบน้ำมันสะสม ความลื่นจะเพิ่มขึ้นทันที แม้ยางจะอยู่ในสภาพดี ผู้ขับก็ยังต้องระวังเป็นพิเศษ
1) ถนนคอนกรีตเปียก ลื่นกว่าที่คิด
ถนนคอนกรีตมีผิวค่อนข้างเรียบ เมื่อเปียกน้ำ แรงเสียดทานจะลดลงมากกว่าถนนแอสฟัลต์
สิ่งที่พบบ่อย:
-
รถลื่นขณะเบรก
-
เสียงยางดัง
-
เข้าโค้งแล้วรู้สึกไม่นิ่ง
ควรลดความเร็วและเว้นระยะเบรกให้มากขึ้นเมื่อขับบนถนนคอนกรีตเปียก
2) ถนนแอสฟัลต์ใหม่ + ฝนแรก = อันตราย
ฝนแรกหลังช่วงอากาศแห้ง จะดึงคราบน้ำมันและฝุ่นที่สะสมขึ้นมาบนผิวถนน ทำให้ถนนลื่นเป็นพิเศษ
ช่วงเสี่ยง:
-
10–30 นาทีแรกหลังฝนเริ่มตก
-
บริเวณสี่แยกและจุดจอดรถบ่อย
ควรขับช้าลงกว่าปกติ แม้ฝนจะตกไม่หนัก
3) เส้นสีจราจร จุดลื่นที่หลายคนมองข้าม
เส้นทาสีบนถนน เช่น เส้นเลน ลูกศร หรือทางม้าลาย เมื่อเปียกน้ำจะลื่นกว่าผิวถนนปกติ
ข้อควรระวัง:
-
อย่าเบรกแรงบนเส้นสี
-
ระวังขณะเปลี่ยนเลน
-
เข้าโค้งทับเส้นสีอาจทำให้รถเสียอาการได้
4) ฝาท่อและแผ่นโลหะ ลื่นเหมือนน้ำแข็ง
ฝาท่อระบายน้ำ แผ่นเหล็ก หรือรางรถราง เป็นจุดที่ลื่นมากเมื่อเปียก
คำแนะนำ:
-
หลีกเลี่ยงการเบรกหรือเลี้ยวบนพื้นผิวโลหะ
-
จับพวงมาลัยให้มั่น หากต้องขับผ่าน
แม้ยางจะเกาะถนนดี แต่พื้นผิวโลหะก็ยังมีความเสี่ยงสูง
5) ถนนที่มีน้ำขังเป็นช่วง ๆ
น้ำขังทำให้ยางรีดน้ำไม่ทัน เกิดอาการเหินน้ำได้ง่าย โดยเฉพาะที่ความเร็วสูง
สัญญาณเตือน:
-
พวงมาลัยเบา
-
รถลอยเล็กน้อย
ควรลดความเร็วทันที และจับพวงมาลัยให้มั่น
6) ถนนในเมือง vs นอกเมือง
-
ในเมือง: มีคราบน้ำมัน จุดหยุด–ออกตัวบ่อย พื้นผิวหลากหลาย → ลื่นแบบคาดเดายาก
-
นอกเมือง: ความเร็วสูง น้ำขังยาว → เสี่ยงเหินน้ำ
ยางที่รีดน้ำดีและสึกสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงได้ทั้งสองแบบ
7) บทบาทของยางต่อพื้นผิวถนนที่ต่างกัน
ยางที่ออกแบบมาดีจะช่วย
-
รีดน้ำออกจากหน้ายาง
-
รักษาแรงยึดเกาะบนพื้นผิวเรียบ
-
ให้การตอบสนองที่คาดเดาได้
แต่ยางที่ดอกตื้น หรือเนื้อแข็งจากอายุการใช้งาน จะเสียเปรียบอย่างชัดเจนบนถนนลื่น
8) ปรับพฤติกรรมการขับให้เหมาะกับพื้นผิว
ไม่ว่ายางจะดีแค่ไหน การขับขี่ก็สำคัญ
ควรทำ:
-
ลดความเร็วเมื่อเปลี่ยนพื้นผิวถนน
-
เว้นระยะเบรก
-
เบรกและเลี้ยวอย่างนุ่มนวล
ควรหลีกเลี่ยง: -
เบรกแรงบนพื้นผิวลื่น
-
เร่งเครื่องกะทันหัน
9) สังเกตพื้นผิวถนนให้เป็นนิสัย
การมองไกลและสังเกตสีผิวถนน ความเงา หรือจุดสะท้อน จะช่วยให้คาดเดาความลื่นได้ดีขึ้น ยิ่งในช่วงฝนตกหรือกลางคืน การอ่านพื้นผิวถนนได้ไว จะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก
สรุป
ถนนแต่ละแบบให้แรงยึดเกาะไม่เท่ากัน โดยเฉพาะเมื่อเปียกน้ำ ถนนคอนกรีต เส้นสีจราจร ฝาท่อ และถนนแอสฟัลต์ช่วงฝนแรก คือจุดเสี่ยงที่ลื่นกว่าปกติ ยางรถยนต์ที่สภาพดีจะช่วยรับมือได้ดีขึ้น แต่การปรับพฤติกรรมการขับขี่ให้เหมาะกับพื้นผิวถนนคือกุญแจสำคัญที่สุด เมื่อเข้าใจถนนและยางไปพร้อมกัน ทุกการเดินทางก็จะปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ TOYO ได้ที่
🔎 ค้นหายางที่เหมาะกับรถคุณ: https://toyotires.in.th/products/1/list
🏪 รายชื่อศูนย์บริการทั่วประเทศ: https://toyotires.in.th/branches/list
🎉 โปรโมชั่นล่าสุด: https://toyotires.in.th/promotions/list
🗞️ ข่าวสารและกิจกรรม: https://toyotires.in.th/news/list

